HomeBrand Move !!อึ้ง “วัยทำงาน” 65% เครียดสูง ป่วยจิต! CMMU มอง Sustainable Well-being เครื่องมือขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงาน รากฐานสร้างองค์กรยั่งยืน

อึ้ง “วัยทำงาน” 65% เครียดสูง ป่วยจิต! CMMU มอง Sustainable Well-being เครื่องมือขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงาน รากฐานสร้างองค์กรยั่งยืน

แชร์ :

“Sustainable” กับ “Well-being” มองเผินๆ ไม่น่าจะมาเชื่อมโยงกันได้ แต่ในวันที่โลกเต็มไปด้วยความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การจะพาองค์กรเติบโตไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน นอกจากองค์กรต้องพร้อมปรับตัวรับมือในทุกสถานการณ์ การที่คนในองค์กรมี “สุขภาวะดีที่ยั่งยืน” (Sustainable Well-being) ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย เพราะไม่เพียงช่วยให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ในงานเสวนา ESGNIVERSE 2025 : Real – World of Sustainability จักรวาลแห่งความยั่งยืน จัดโดย Brand Buffet ร่วมกับ SD Thailand ในหัวข้อ Sustainable Well-being & High Performance for Workplace (or corporate) Sustainability โดย “รศ.ดร.สุภรักษ์ สุริยันเกียรติแก้ว” ผู้ช่วยคณบดีหน่วยธุรกิจและสังคมสัมพันธ์ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้ฉายแนวคิด Sustainable Well-Being ให้ทุกคนได้เห็นภาพชัดเจนว่าคืออะไร และสำคัญอย่างไร

อึ้ง! “วัยทำงาน” 65% เครียดสูง ป่วยจิต

ทั้ง Sustainable และ Well-being เป็นคำที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเทรนด์มาแรงทั้งในระดับโลกและในไทย ทำให้ถูกพูดถึงมาหลายปี แต่เมื่อมองเฉพาะ Well-being รศ.ดร.สุภรักษ์ บอกว่า ส่วนใหญ่คิดว่าหมายถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แค่คนมีความสุข มีสุขภาพดีเท่านั้น ทว่ายังหมายรวมไปถึงการมี “Performance” ที่ดีด้วย เพราะหากเราสบายดี เวลาทำงาน ประสิทธิภาพก็สูง ในทางกลับกัน ถ้าพนักงานไม่สบาย ประสิทธิภาพการทำงานก็ลดลง เมื่อนำมารวมกับ Sustainable จึงหมายถึงการมีสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืนนั่นเอง

แล้ว Sustainable Well-being สำคัญอย่างไร? รศ.ดร.สุภรักษ์ บอกว่า ทุกวันนี้คนไทยมีปัญหาสุขภาวะสูง โดยเฉพาะวัยทำงาน จากข้อมูลวิจัยพบว่า 71% ของประชากรไทยทั้งหมด 66 ล้านคน เป็นวัยทำงาน หรือประมาณ 40 ล้านคน และประมาณ 20% เป็นคนสูงวัย และจะเพิ่มมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งยังพบว่า มากกว่า 50% ของคนวัยทำงาน หรือประมาณ 20 ล้านคน เจ็บป่วยเป็นโรคที่ไม่ติดต่อ (NCDs) ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน ความดัน หัวใจ และโรคอ้วน

แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ มากกว่า 65% มีปัญหาสุขภาพจิตใจ (Mental Well-Being) จากความเครียดต่างๆ ขณะเดียวกันยังมีอาการหดหู่ไม่อยากไปทำงาน หรือภาวะ Burnout, Brown-Out และ Disengagement ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ตัวบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรด้วย

รศ.ดร.สุภรักษ์ สุริยันเกียรติแก้ว ผู้ช่วยคณบดีหน่วยธุรกิจและสังคมสัมพันธ์ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU)

สุขภาวะพนักงานคือ รากฐานองค์กรที่ยั่งยืน

จากการวิจัยพบว่า การเจ็บป่วย ส่งผลให้มีวันทำงานของพนักงานสูญเสียไปถึง 73 วันใน 1 ปี ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าประเทศออสเตรเลีย ที่มีวันทำงานสูญเสียเพียง 49 วัน อีกทั้งต้นทุนการผลิตยังสูงขึ้น อย่างเช่นภาวะโรคอ้วน ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 200,000 บาท แถมประสิทธิภาพการทำงานยังลดลงถึง 22% ทีเดียว ในขณะที่ปัญหาสุขภาพใจ ส่งผลให้พนักงานทำงานได้ลดลงเพียง 50% เท่านั้น

นี่จึงเป็นเรื่องที่องค์กรต้องกลับมาตระหนักมากขึ้น เพราะคนคือ หัวใจในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโต ดังนั้น การจะพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืน จึงต้องมี “Sustainable Well-Being” ด้วยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแรง ผ่านการเกื้อกูลกันในที่ทำงาน หรือมีระบบนิเวศการทำงานแบบ Supportive Workplace Environment

“Sustainable Well-Being ไม่ใช่ Fashionable Trend ที่มาแล้วไป แต่เป็น Mega Trend ในแง่ Societal Impact และเกี่ยวข้องกับ UNSDG Goal ข้อ 3 เรื่องของ Good Health and Well-Being”

รศ.ดร.สุภรักษ์ บอกว่า เบื้องต้นได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนัก 8 เพื่อทำการวิจัยเรื่อง Sustainable Well-Being เชิงลึก ครอบคลุม 7+1 มิติ พร้อมกับพัฒนาเครื่องมือเพื่อศึกษาอินไซต์และวัดระดับสุขภาวะของพนักงานทุกระดับ ตั้งแต่เจ้าของกิจการ ผู้บริหาร ไปจนถึงผู้จัดการ และพนักงาน และองค์กรทุกขนาด โดยเก็บข้อมูลกว่า 1,000 ตัวอย่าง ควบคู่กับการอ่านงานวรรณกรรมกว่า 600 เล่ม

ทำให้พบว่า การขับเคลื่อนองค์กรให้ยั่งยืนในเชิงของ Sustainable Well-Being ต้องประกอบด้วย 4 มิติ คือ 1.Physical Well-being สุขภาพกายดี 2.Mental Well-being สุขภาพใจดี 3.Social-Environmental Well-being สภาวะสังคมสิ่งแวดล้อมดี และ 4.Intellectual Well-being สุขภาวะทางปัญญาดี โดย มิติสังคมสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่คนให้ความสนใจมากที่สุด เพราะมองว่าเป็นหัวใจให้องค์กรเกิด Well-being ในมิติทางกาย ใจ และปัญญาตามมา

นอกจากนี้ ยังพบ 3 องค์กรที่ได้รับคะแนนมากสุดคือ บริษัท เงินมาธุรกิจ จำกัด, บริษัท แสงไทยเมตัลดรัม จำกัด และบริษัท ซีอาร์ซี ไทยวัสดุ จำกัด ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งสะท้อนได้จากการลดอัตราการขาดลามาสาย พนักงานเองก็ Happy ในการทำงาน อีกทั้งองค์กรยังสามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

จากความสำเร็จในเฟสแรก จึงต่อยอดสู่เฟส 2 ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชั่น SWi Web Application เพื่อเป็นเครื่องมือให้ทุกองค์กรสามารถนำไปวัดสุขภาวะพนักงานทุกมิติ ทั้ง Well-being, Sustainability และ Engagement ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา

ถึงตอนนี้หลายองค์กรคงอยากรู้กันแล้วว่า สุขภาวะพนักงานในองค์กรของตัวเองเป็นอย่างไร เพื่อที่จะสร้างสุขภาวะให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงานได้ดียิ่งขึ้น และทำให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like