HomePR Newsก้าวใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมของ ROCTEC ธุรกิจ ICT Solutions ภายใต้กลุ่ม บีทีเอส กรุ๊ป [PR]

ก้าวใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมของ ROCTEC ธุรกิจ ICT Solutions ภายใต้กลุ่ม บีทีเอส กรุ๊ป [PR]

แชร์ :

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคดิจิทัล ทำให้ทุกวันนี้ ICT Solution กลายเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานและมีบทบาทในทุกภาคส่วน จนทำให้อุตสาหกรรม ICT เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

และหลายองค์กรก็มองเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ รวมถึง กลุ่ม บีทีเอส ที่ปรับตัวรับกระแส โดยบริษัทในเครืออย่าง MACO ได้เข้าลงทุนใน ROCTEC บริษัทด้าน ICT Solutions ชื่อดังของฮ่องกง พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจ กระโจนเข้าสู่อุตสาหกรรม ICT อย่างเต็มตัว

ย้อนไปก่อนหน้านี้ในแวดวงอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้าน หรือสื่อ Out-of-Home ประเภทโฆษณาบนบิลบอร์ด ป้ายริมถนนของไทย เป็นที่รู้กันว่า บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ “MACO” ของกลุ่ม บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) คือหนึ่งในผู้นำตลาดที่ดำเนินธุรกิจมานานตั้งแต่ปี 2531 และเติบโตอย่างแข็งแกร่งเรื่อยมา ทว่าเมื่อกระแสเทคโนโลยีดิจิทัลถาโถมเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมมากขึ้น ก็ถึงเวลาที่ MACO ต้องปรับตัว

ปี 2561 บริษัทตัดสินใจเปลี่ยนเกม เบนเข็มจากธุรกิจสื่อโฆษณา หันมาเดินหน้าสู่อุตสาหกรรม ICT ด้วยการเข้าซื้อกิจการ บริษัท ทรานส์.แอด โซลูชั่น จำกัด (Trans.Ad Solution) ในไทย และ ROCTEC Technology Limited ผู้ให้บริการ ICT Solutions ในฮ่องกงที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านบริการงานระบบ (System Integrator) มาเกือบ 40 ปี จากนั้นในปี 2566 ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยมุ่งเน้นด้าน Transformative Innovation และ Communication Solutions เป็นหลัก พร้อมประกาศรีแบรนด์เป็น บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) (ROCTEC Global Public Company Limited) และแต่งตั้ง เว่ย แซม แลม อดีตผู้นำของ ROCTEC Technology ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจ ICT มานานกว่า 20 ปี ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

จาก MACO ที่หลายคนคุ้นเคยจึงเปลี่ยนมาเป็น ROCTEC ในวันนี้ โดยมีสิ่งที่ต้องจับตาคือการตั้งเป้าหมายที่จะขยายตลาดการให้บริการ ICT Solutions จากฮ่องกงและไทย ไปสู่ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงได้ ซึ่งน่าสนใจว่าด้วยความสามารถของ CEO มากประสบการณ์อย่าง เว่ย แซม แลม และความแข็งแกร่งของ บีทีเอส กรุ๊ป ก้าวต่อไปของ ROCTEC จะเป็นอย่างไร

สำหรับตลาดฮ่องกง ชื่อของ ROCTEC เป็นที่รู้จักอยู่แล้วในฐานะบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในระบบสื่อสาร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการขนส่งทางรางและงานท่าอากาศยาน มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในธุรกิจงานระบบด้านการขนส่งสาธารณะ (Transportation Solution) และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย ตัวอย่างเช่น การติดตั้งเครือข่าย FDDI (Fiber Distributed Data Interface) ที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในเอเชียให้กับรถไฟฟ้าใต้ดินฮ่องกง โดยในปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีการให้บริการระบบ Transportation Solutions ของ MTR ฮ่องกง และสนามบินฮ่องกง ฉะนั้นการรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ บีทีเอส กรุ๊ป จึงเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ ROCTEC รุกสู่ตลาดประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างมีศักยภาพเหนือคู่แข่ง

เว่ย แซม แลม เผยว่า “การเข้ามาถือหุ้นของบีทีเอส ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากขึ้น ทำให้มีโอกาสได้รับงานใหม่ ๆ พร้อมทั้งแรงสนับสนุนด้านการเงิน อีกทั้งบีทีเอสยังเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของไทยที่ต้องการขยายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ ROCTEC มีโอกาสที่จะเติบโตไปพร้อมกับกลุ่มบีทีเอสด้วย” โดยหลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจ บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นในธุรกิจด้าน System Integration เป็นหลัก เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจสู่การเป็นผู้นำด้าน Transformative Innovation และ Communication Solutions อาทิ บริการงานวางระบบโครงข่ายขั้นพื้นฐาน Transportation Solutions บริการงานวางระบบสื่อสารในธุรกิจคมนาคม และ Digital Display Solutions บริการจัดหา ติดตั้งหน้าจอดิจิทัล และวางระบบ Software ครบวงจร ปัจจุบันมีรายได้จากธุรกิจ ICT Solutions ราว 85% นอกจากนี้อีก 15% มาจากธุรกิจโฆษณาซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของ MACO ที่ดำเนินงานร่วมกับ PLANB

“บริการด้าน ICT Solutions ของเราครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหาอุปกรณ์ ดำเนินงานและติดตั้ง ไปจนถึงงานบำรุงรักษา โดยครอบคลุม 3 บริการหลัก คือ ธุรกิจงานระบบครบวงจร (Integrated Technology Solutions) ธุรกิจงานระบบคมนาคมขนส่ง (Transportation Solutions) และธุรกิจงานสื่อประชาสัมพันธ์ดิจิทัล (Digital Display Solutions) โดยมีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และเครือข่ายรวมของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อถึงกัน (IoT) มาใช้ในการพัฒนาการให้บริการให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ROCTEC เปิดเผย

แม้ว่าปัจจุบันฮ่องกงจะยังคงเป็นตลาดหลักของบริษัท โดยมีสัดส่วนรายได้จากฮ่องกงอยู่ที่ 70% และอีก 30% เป็นรายได้ในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ โดยมีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอส, ระบบขนส่งมวลชนทางรางในฮ่องกง (HK MTR), สนามบินนานาชาติฮ่องกง, รถไฟฟ้ารางเบามาเก๊า (Macau LRT) และการรถไฟขนส่งมวลชนของสิงคโปร์ (SMRT) แต่ด้วยเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม ROCTEC จึงวางแผนขยายธุรกิจไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยชูจุดเด่นด้านประสบการณ์กว่า 30 ปีในการให้บริการระบบ ICT ที่ทำให้เข้าใจในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง บวกกับจุดแข็งในการบริหารจัดการโครงการและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่ยอดเยี่ยม โดยมีทีม R&D ภายในองค์กรที่ทุ่มเทในการพัฒนาโซลูชั่น ICT ล้ำสมัยอยู่เสมอ ทำให้สามารถให้บริการโซลูชั่น ICT ที่มีความซับซ้อนและออกแบบเฉพาะสำหรับแต่ละโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้กับกลุ่มลูกค้าในตลาดใหม่ ๆ

“ผมมองว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตลาดใหญ่ที่มีแนวโน้มความต้องการ ICT Solution ที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างสูง หลายประเทศมีการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว จึงเป็นโอกาสของ ROCTEC ที่จะใช้ความเชี่ยวชาญของเราในการบุกเบิกตลาดใหม่ ๆ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งด้วยความร่วมมือที่แนบแน่นกับคู่ค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกและพันธมิตรในแต่ละประเทศ จะทำให้เราเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของทุกโครงการและเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าในตลาดใหม่ ๆ ได้อย่างแน่นอน” เว่ย แซม แลม กล่าว

ด้วยชื่อชั้นที่สั่งสมมานานเกือบ 40 ปี ความท้าทายในเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมของ ROCTEC จึงไม่ใช่แค่เพียงการขยายตลาดยึดหัวหาดอุตสาหกรรม ICT ในภูมิภาคนี้ แต่ยังรวมถึงการรักษาตำแหน่งผู้นำในธุรกิจเอาไว้ให้ได้ ท่ามกลางตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งด้วยศักยภาพของผู้นำอย่าง เว่ย แซม แลม ภายใต้ปีกของบีทีเอส กรุ๊ป รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของบริษัท เชื่อว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดนี้ได้อย่างมีศักยภาพ

ตัวอย่างผลงานที่ผ่านมาของ ROCTEC
– ระบบ Mini-Signaling : ระบบตรวจติดตามจากศูนย์กลาง (Centralised Monitoring System) ที่สามารถติดตามความเร็วและตำแหน่งของรถไฟฟ้ารางเบาแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
– ระบบตรวจวัดอุณหภูมิ IoT (IoT Temperature Monitoring System) : ระบบตรวจวัดสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง
– ระบบจำลองการฝึกอบรมด้วย AI (AI-Assisted Training Simulator) : ยกระดับการฝึกอบรมพนักงานขับรถไฟด้วยเทคโนโลยีการจำลองขั้นสูงสำหรับผู้ให้บริการระบบราง
– ตู้ให้บริการอัตโนมัติสำหรับการไปรษณีย์ฮ่องกง (Hongkong Post) : เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการไปรษณีย์ผ่านตู้ให้บริการอัตโนมัติ
– ระบบจำลองการฝึกอบรมการขับขี่สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ (Police Driver Training Simulators) : สนับสนุนการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ด้วยเทคโนโลยีการจำลองขับขี่เสมือนจริง
– จอดิจิทัลอัจฉริยะบนชานชาลารถไฟฟ้า BTS : ปฏิวัติระบบป้ายดิจิทัลเพื่อยกระดับระบบสื่อสารข้อมูลกับผู้โดยสาร


แชร์ :

You may also like