HomeBrand Move !!มาตรการรัฐหนุน CPALL ไตรมาสแรก ปี 2568 รายได้ 252,881 ล้าน กำไรพุ่ง 20%

มาตรการรัฐหนุน CPALL ไตรมาสแรก ปี 2568 รายได้ 252,881 ล้าน กำไรพุ่ง 20%

ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven กวาดกำไร 6,365 ล้านบาท

แชร์ :

Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand

บมจ.ซีพีออลล์ (CPALL) สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้ 252,881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% กำไรสุทธิ 7,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนหน้า

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

การเพิ่มขึ้นของรายได้มาจากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปี อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt และมาตรการเงินโอนเฟสสอง

รวมถึงการท่องเที่ยวในไตรมาสแรกยังคงดีต่อเนื่อง นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่ง

สรุปร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven

สำหรับผลการดำเนินงานธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 เปิดร้านสาขาใหม่รวม 185 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวม 15,430 สาขา แบ่งเป็น

1. ร้านสาขาบริษัท 7,868 สาขา (ประมาณ 51%) ร้านเปิดใหม่ 125 สาขา ในไตรมาสนี้

2. ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,562 สาขา (ประมาณ 49%) ร้านเปิดใหม่ 60 สาขา ในไตรมาสนี้

ร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ (stand-alone) ประมาณ 86% ของสาขาทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.

ไตรมาส 1 ปี 2568 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 113,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% และมีกำไรสุทธิ 6,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

– ยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน เท่ากับ 84,663 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

– ยอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 88 บาท

– จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 963 คน

การเติบโตของยอดขายมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปี และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน ซึ่งธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงใช้แผนกลยุทธ์ที่สอดรับกับสถานการณ์ตลอดเวลา โดยคำนึงถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ ๆ โดยนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ พร้อมกับโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา

ประกอบกัการเพิ่มรายได้จากการขายสินค้า ผ่านกลยุทธ์ O2O อาทิ 7Delivery และ All Online ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภาวะปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยมีสัดส่วนประมาณ 11% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม

ในไตรมาส 1 ปี 2568 สัดส่วนของรายได้จากการขาย 76.1% มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และ 23.9% มาจากสินค้าอุปโภค ซึ่งสัดส่วนรายได้ในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามกลยุทธ์หลักร้าน 7-Eleven ที่มุ่งเน้นเป็นจุดหมายปลายทางที่ 1 ในใจลูกค้าเมื่อนึกถึงอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกที่ และทุกเวลา

ทั้งนี้ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ยังมีรายได้อื่นอีกจำนวน 6,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 419 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้จากการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของสาขา อาทิ การให้เช่าพื้นที่ บริการ และอื่น ๆ ในขณะที่มีการบันทึกเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยจำนวน 1,220 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 CPALL ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 116 สาขา และมีสาขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 15 สาขา

ปี 2568 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 – 13,600 ล้านบาท ลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ใประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขา และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านใหม่เพิ่มในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like