‘สวนผึ้งบนดาดฟ้า’ ที่ “โรงแรมคอนราด กรุงเทพ” เชื่อมโยงคน ผึ้ง และเมืองเข้าด้วยกัน พร้อมเป็นวัตถุดิบทำอาหารจริง

ผึ้งอาจดูเหมือนแมลงเล็ก ๆ ที่ใครหลายคนอยากหลีกเลี่ยง แต่ในมุมของสิ่งแวดล้อม ผึ้งไม่ใช่แค่แมลงธรรมดา แต่คือฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยรักษาสมดุลโลก ผ่านการผสมเกสรที่หล่อเลี้ยงระบบอาหารทั้งมนุษย์และสัตว์ หากไม่มีผึ้ง ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารอาจสั่นคลอนอย่างรุนแรง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายองค์กรเริ่มหันมาใส่ใจและสร้างพื้นที่ให้ผึ้งได้อยู่อย่างปลอดภัย และล่าสุด “โรงแรมคอนราด กรุงเทพ” จับมือ 2 พันธมิตร แปลงดาดฟ้าของโรงแรมเป็นสวนผึ้งย่อมๆ แถมน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งเหล่านี้ยังถูกนำมาใช้ในการทำอาหารจริงในโรงแรมอีกด้วย กลายเป็นการความหมายใหม่ของการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล

ทำไมโรงแรมคอนราด กรุงเทพถึงอยากมาทำสวนผึ้ง Brand Buffet ชวนมาคุยกับผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจคนี้ถึงไอเดียการสร้างสวนผึ้งบนดาดฟ้าอย่างเจาะลึกไปพร้อมกัน

จุดเริ่มต้นจากผลไม้สดเหลือทิ้ง สู่ไอเดียสวนผึ้งบนดาดฟ้า

เหตุผลที่ทำให้โรงแรมคอนราด กรุงเทพ สนใจทำสวนผึ้งบนดาดฟ้า คุณทิโมธี เซนสเบอรี ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมคอนราด กรุงเทพ บอกว่า เริ่มต้นมาจาก “เชฟไรอัน ดาดูฟาลซ่า” ต้องการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการทำอาหารให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงน้ำผึ้ง ประกอบกับเห็นว่าโรงแรมมีเศษอาหารและผลไม้เหลือจำนวนมาก จึงเกิดไอเดียสวนผึ้งบนดาดฟ้า เพราะต้องการนำผลไม้สดที่เหลือเหล่านี้มาสร้างคุณค่าเพิ่ม จึงนำไอเดียนี้มาคุยกับ “จันทร์อรุณ ฟาร์มผึ้ง” ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเลี้ยงผึ้งแบบครบวงจรจากจ.เพชรบุรี และโรงแรมเองก็ใช้น้ำผึ้งจากฟาร์มแห่งนี้

(จากซ้าย) คุณปัญชลี ตรีตราเพ็ชร, คุณทิโมธี เซนสเบอรี และคุณดวงกมล อินทรพราหมณ์ ผู้บริหารแผนกบริหารเงินและพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เคทีซี

เมื่อคุณปัญชลี ตรีตราเพ็ชร ผู้บริหารจันทร์อรุณ ฟาร์มผึ้ง ได้ฟังไอเดีย ก็สนใจ เพราะอยากอนุรักษ์ผึ้งให้ยั่งยืนเช่นกัน เพราะผึ้งตัวน้อยเหล่านี้ไม่ได้ให้แค่ให้ “น้ำผึ้ง” แต่ยังทำหน้าที่ผสมเกสรให้พืชและดอกไม้ ซึ่งช่วยให้พืชผัก ผลไม้เติบโต และกลายมาเป็นอาหารให้เรากินกันทุกวันนี้ ผึ้งจึงเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของโลกใบนี้ แต่ทว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ประชากรผึ้งลดลงกว่า 50% ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุณปัญชลี บอกว่า ไม่เกิน 30 ปี ผึ้งจะสูญพันธุ์ไปจากโลก และหากปราศจากผึ้ง สิ่งที่จะเกิดตามมา ไม่ใช่แค่น้ำผึ้งจะขาดแคลนเท่านั้น แต่การผสมเกสรก็ไม่เกิดขึ้น นั่นหมายความว่า พืชผัก ผลไม้และอาหารหลายอย่างจะสูญพันธุ์ตามไปด้วย

ประกอบกับ “บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)” หรือ “เคทีซี” ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับโรงแรมคอนราด กรุงเทพมานาน ก็มีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในองค์กรแล้ว ยังมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีจุดร่วมเดียวกัน เพื่อสร้างอิมแพคให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมเติบโตได้อย่างยั่งยืนร่วมกัน จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกันทดลองทำสวนผึ้งขนาดย่อมบนดาดฟ้าของโรงแรมเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2567

ผลิตน้ำผึ้งคุณภาพสูง ต่อยอดทำเมนูพิเศษในห้องอาหาร

แม้จะมีประสบการณ์ทำสวนผึ้งมากว่า 10 ปี แต่คุณปัญชลี ยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่เคยทำสวนผึ้งบนดาดฟ้าใจกลางเมืองมาก่อน จึงเริ่มต้นด้วยการเลี้ยงผึ้งจำนวน 5 ลังก่อน ในแต่ละรังมีผึ้งประมาณ 30,000-50,000 ตัว โดยนำวิธีการเลี้ยงแบบธรรมชาติมาประยุกต์ใช้กับพื้นที่บนสวนดาดฟ้า ในส่วนของอาหาร นอกจากการปลูกดอกไม้ที่มีเกสรและน้ำหวานมากพอ เช่น เฟื่องฟ้า และต้นเข็ม เพื่อให้ผึ้งกินเป็นอาหารหลักแล้ว ทีมเชฟของโรมแรมยังนำผลไม้สดที่เหลือจากห้องอาหาร เช่น กล้วย แตงโม สับปะรด มาปั่นผสมรวมกันเพื่อเป็นอาหารเสริมสำหรับผึ้ง

“เราเจอปัญหาทั้งเล็กและใหญ่มาตลอด เพราะการเลี้ยงผึ้งบนดาดฟ้าแตกต่างจากการเลี้ยงในสวนธรรมชาติ ปัญหาหลักที่เจอช่วงแรกคือ การรบกวนแขกของโรงแรม นั่นเพราะอาหารและน้ำอาจจะไม่พอ จึงส่งผลให้ออกมาหาอาหารข้างนอกเพิ่ม จึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนวิธีกันเรื่อยมา ทั้งเพิ่มพันธุ์ดอกไม้ และอาหารจากผลไม้ รวมถึงน้ำให้เพียงพอ เพราะผึ้งชอบกินน้ำมาก จากเดิมมีเพียงสปริงเกอร์สำหรับรดน้ำต้นไม้ ก็มีการวางถังน้ำไว้ตามจุดต่างๆ เพิ่ม”

กว่า 1 ปีกับการทำสวนผึ้งบนดาดฟ้าแห่งนี้ เชฟไรอัล บอกว่า ไม่เพียงโรงแรมจะได้น้ำผึ้งคุณภาพดี ยังช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์จากผลไม้เหลือทิ้งได้ประมาณ 16 กิโลกรัมต่อเดือน โดยสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตน้ำผึ้งได้ทุก 3 เดือน แต่ละครั้งจะได้น้ำผึ้งประมาณ 10-25 กิโลกรัมต่อรอบขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของรังผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งเหล่านี้จะถูกนำกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเมนูพิเศษเสิร์ฟในห้องอาหารต่างๆ ของโรงแรมอย่างคุ้มค่าอีกครั้ง อย่างเช่น Smoked Tuna และขนมหวาน Teppan Dorayaki แต่เชฟไรอัล ยอมรับว่าปริมาณน้ำผึ้งก็ยังไม่เพียงพอ อนาคตโรงแรมจึงมีแผนจะขยายรังผึ้งเพิ่มเป็น 10 รัง แต่จะเป็นการขยายแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะต้องปรับพื้นที่ให้เข้ากับผึ้งด้วย

ความร่วมมือกันในครั้งนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงต้นแบบการสร้างพื้นที่เลี้ยงผึ้งใจกลางเมือง แต่ยังป็นการนำเอาแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาสร้างสมดุลให้กับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืนด้วย ทั้งยังพิสูจน์ให้เห็นว่า คนและผึ้งสามารสามารถอยู่ร่วมกันได้

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE