สร้างกระแสบนโลกออนไลน์ในหมู่คนรักกาแฟตลอดช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก เมื่อ สตาร์บัคส์ (Starbucks) เชนร้านกาแฟระดับโลกประกาศที่ขึ้นชื่อเรื่องประสบการณ์ในร้าน (In-Store Experience) หันมาวางจำหน่าย “กาแฟกระป๋อง” ใน 7-Eleven ซึ่งเป็นช่องทางค้าปลีกที่เน้นความสะดวก ราคาจับต้องได้และเข้าถึงลูกค้าเป็นวงกว้าง
การเปิดตัว “สตาร์บัคส์กระป๋อง” มาพร้อมชื่อ “Starbucks DOUBLESHOT” 3 รสชาติ ได้แก่ อเมริกาโน่ สูตรไม่มีน้ำตาล (Starbucks DOUBLESHOT Americano No Sugar) ,อเมริกาโน่ สูตรหวานน้อย (Starbucks DOUBLESHOT Americano) และลาเต้ (Starbucks DOUBLESHOT Espresso LATTE) ขนาด 220 มิลลิลิตร ราคา 49 บาท
เปิด 5 เหตุผล “Starbucks DOUBLESHOT” บุกยึดตลาดร้านกาแฟนอกบ้าน
1.แม้ “Starbucks DOUBLESHOT” จะจัดเป็นลิขสิทธิ์ในกลุ่ม CPG (Consumer Packaged Goods) หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สตาร์บัคส์ได้มอบสิทธิ์ให้เนสท์เล่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภายนอกร้าน กาแฟสตาร์บัคส์ เช่น กาแฟพร้อมดื่ม, เมล็ดกาแฟคั่ว, ชาสมุนไพร, และอื่นๆ ที่สามารถซื้อเพื่อนำไปบริโภคที่บ้านได้ ซึ่งStarbucks DOUBLESHOTนำเข้าโดยบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด แน่นอนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนับเป็นการต่อยอดแบรนด์ Starbucks ในตลาดร้านกาแฟนอกบ้านมูลค่ากว่า 2.7 หมื่นล้านบาทได้เป็นอย่างดี
2.ขยายฐานลูกค้าใหม่ (New Market Penetration) Starbucks เป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์หรูหรา พรีเมียม ราคาสูง คนจำนวนหนึ่ง “อยากลอง” แต่รู้สึกว่าแพงเกินไป ดังนั้นการเปิดตัวกาแฟกระป๋องราคา 49 บาทในเซเว่นฯ คือ “จุดเข้าถึงแบรนด์” ที่ง่ายขึ้น คนที่ไม่เคยเข้าร้าน Starbucks หรือไม่ซื้อเป็นประจำ
3.ตอบโจทย์เทรนด์ “ความสะดวก” (Convenience) คนรุ่นใหม่ต้องการความเร็ว พกพาง่าย ซื้อสะดวก ไม่ต้องรอคิว กาแฟพร้อมดื่ม (Ready-to-Drink หรือ RTD) เป็นเทรนด์ที่เติบโตทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ โดยใช้ 7-Eleven ที่มีอยู่กว่า 1.5 หมื่นสาขา คือช่องทางจำหน่ายที่สอดคล้องที่สุดกับพฤติกรรมผู้บริโภคสายรีบ
4.รองรับการแข่งขันในตลาดกาแฟพร้อมดื่ม (RTD Coffee Market) ในไทยมีคู่แข่งหลายเจ้า เช่น Nescafé, Birdy, Boss (Suntory), Arabus ฯลฯ ตลาดนี้มูลค่าหลายพันล้านบาท และเติบโตทุกปี ดังนั้นการ Starbucks เข้าร่วมชิงส่วนแบ่งด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่ง พร้อมภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดี โดยใช้แบรนด์สร้าง Premium Positioning แม้จะเป็นสินค้าแมส ทว่าไม่ได้แข่งด้านราคาเพียงอย่างเดียว แต่ใช้การออกแบบบรรจุภัณฑ์ คุณภาพกาแฟ และชื่อแบรนด์ ดึงดูดคนที่ยอมจ่ายมากกว่านิดนึง เพื่อให้รู้สึกพรีเมียมกว่าเจ้าอื่น เท่ และมีสไตล์
5.เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Omnichannel (ทุกช่องทางต้องมี Starbucks) Starbucks ไม่ได้ขายแค่ในร้านแล้ว แต่ขยายไปทุกแพลตฟอร์ม เช่น Delivery (ผ่านแพลคฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทั้ง Starbucks Delivery, Grab, Foodpanda) ,Supermarket (กาแฟแคปซูล, เมล็ดกาแฟ), Convenience Store (กาแฟกระป๋อง), Vending Machines (ในบางประเทศ) ทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อให้ “แบรนด์ Starbucks” อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากที่สุด





