หลังยุคโควิด อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังปรับตัวสู่รูปแบบใหม่ ขณะที่ประเทศไทย—ซึ่งมีจุดแข็งด้านวัฒนธรรม อาหาร และบริการ—กำลังเผชิญโจทย์สำคัญว่า จะเนำเอาจุดขายด้านการท่องเที่ยวมาสร้างความยั่งยืนได้อย่างไร ในบริบทที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับ “คุณค่า” มากกว่า “ปริมาณ” แนวคิดการสร้าง “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” (Entertainment Complex) กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ถูกกล่าวถึง ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และนโยบายสาธารณะ เราลองมาถอดบทเรียนจาก “มาเก๊า” ดินแดนที่ ปี 2023 GDP 36.2% มาจากธุรกิจเกมมิ่ง ผ่านเลนส์ของผู้ประกอบการอย่าง Galaxy Resorts Macau โดย Galaxy Entertainment Group (GEG)
กฎหมายต้องเข้มข้น เพื่อคงคุณค่าเศรษฐกิจ – สังคม
มร. เฉิง ไว ตง (Mr. Cheng Wai Tong) รองผู้ว่าการการท่องเที่

มร. เฉิง ไว ตง รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวมาเก๊า
สำหรับประเด็นเรื่อง Entertainment Complex มร. เฉิง ได้แสดงความคิดเห็นว่า “การออกแบบการท่องเที่ยวของมาเก๊า มีความหลากหลาย เพื่อนำเสนอคุณค่าของมาเก๊า ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม วัด ห้างร้าน ศูนย์การค้าที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกเหนือจากอุตสาหกรรมเกมมิ่ง โดยปี 2567 ที่ผ่านมา รายได้ส่วน Gaming มากถึง 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อนหน้านี้ ขณะที่รายได้ส่วนที่เป็น Non-Gaming มีรายได้อยู่ที่ 9.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันที่อัตรา 5.8% จากปีก่อนหน้านี้ การที่จะทำอุตสาหกรรมเกมมิ่ง มีมิติทางสังคมที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับมิติทางเศรษฐกิจด้วย ต้องคำนึงถึงเรื่องกฎหมาย และการนำเอารายได้มาพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการศึกษา”
แม้แต่มาเก๊า รัฐบาลท้องถืนก็พยายามลดสัดรายได้จากธุรกิจเกมมิ่งลง จากที่เคยมีมากกว่า 50% มาอยู่ที่ระดับประมาณ 36% ในปี 2023 และในปี 2024 รัฐบาลมาเก๊าตั้งเป้ารักษาสัดส่วนรายได้จากเกมไว้ไม่เกิน 40% ของ GDP เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นความหลากหลาย (diversification) สร้างรายได้จากภาคส่วนอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยวไมซ์ (MICE) แหล่งบันเทิง โรงแรม และวัฒนธรรม
สร้างสมดุลย์ ที่เหมาะสม
ผลลัพธ์คือมาเก๊าไม่เพียงกลายเป็นศูนย์รวมคาสิโน แต่ยังเป็น เมืองท่องเที่ยวระดับโลก ที่มีครบทั้งโรงแรมระดับอัลตร้าลักชัวรี่ แหล่งช้อปปิ้งระดับเวิลด์คลาส ศูนย์ไมซ์ ศิลปวัฒนธรรม และพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมโยงกันแบบผสมผสาน
Galaxy Resorts Macau ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ด้วยพื้นที่กว่า 2 ล้านตารางเมตร ที่ประกอบด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาว 9 แห่ง ร้านอาหาร 120 แห่ง ศูนย์การค้า 200 ร้าน สนามกีฬา และอารีนา บนแนวคิดที่คาสิโนเป็นเพียง 5-10% ของโครงการ
คุณเควิน เคลย์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายแบรนด์ Galaxy Resorts Thailand มองว่า “ประเทศไทยควรเปลี่ยนแนวทางจากการท่องเที่ยวแบบ Volume ไปสู่ Value” โดยพัฒนา “แลนด์มาร์กที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับบน” เช่น โรงแรมระดับโลก ศูนย์การค้า อาหารพรีเมียม และความบันเทิง ในปี 2024 ที่ผ่านมา รายได้ของ Galaxy Entertainment Group มีรายได้รวมกว่า 180 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.7% จากปีก่อนหน้า และที่สำคัญคือ รายได้จากส่วนที่ไม่ใช่การพนัน (non-gaming) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Galaxy ยังเสนอว่า คาสิโนควรเป็นเพียง 5% ของพื้นที่ทั้งหมด และดำเนินการภายใต้กฎหมายที่เข้มงวดเทียบเท่ามาเก๊า เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าธุรกิจนี้ไม่ส่งผลเสียต่อสังคม แต่กลับสร้างระบบควบคุมที่ดีกว่าการปล่อยให้การพนันผิดกฎหมายเติบโตโดยไร้การกำกับ
แม้ประเทศไทยจะเป็นอันดับ 8 ของโลกในแง่นักท่องเที่ยวเข้าเมือง แต่หลังโควิด การฟื้นตัวยังไม่เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะจากตลาดจีนที่ลดลงกว่า 30% ด้วยเหตุผลเรื่อง ความปลอดภัย ภาพลักษณ์ และค่าใช้จ่าย
คุณเควิน เคลย์ตัน กล่าวต่อไปว่า “สิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้คือ การดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับ การพนันอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Gaming) เราไม่ได้ลงทุนในส่วนของการสร้างอาคารหรือความบันเทิงเท่านั้น แต่เราให้ความสำคัญกับการลงทุนในระบบการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการเล่น (Gaming) ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการประเมิณและตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยง โปรแกรมในการช่วยเหลือผู้เล่น และการลงทุนในการป้องกันการฟอกเงิน ธุรกิจของเรามีความใกล้เคียงกับธุรกิจการเงิน และเรายังเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องมีข้อกำหนดที่เข้มงวด และมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ เราจึงอยากให้ประชาชนเข้าใจว่าการจะลงทุนด้วยเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในประเทศไทย เราจะต้องเคารพกฏหมาย และความต้องการของประชาชน เพื่อผลักดันให้โครงการนี้เป็นโอกาสที่จะผลักดันให้ไทยก้าวสู่เวทีโลกได้อย่างภาคภูมิใจ”
“เอเชีย” ต้องจับมือกัน เดินหน้าสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่
แนวคิด Entertainment Complex ในประเทศไทย ยังเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาต่อไป แต่สำหรับ “มาเก๊า” ซึ่งผ่านประสบการณ์การนำเอาได้พัฒนาตนเองให้เป็นศูนย์กลางการพนันและการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก โดยอาศัยอุตสาหกรรมเกมมิ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ยังคงเดินหน้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวต่อไป โดยสถานการณ์ปัจจุบันมาเก๊าเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายส่วน เช่น จำนวนนักท่องเที่ยว ที่กว่า 70% มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ การพึ่งพิงนักท่องเที่ยวจากตลาดเดียว ไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน รวมทั้งขนาดพื้นที่ของมาเก๊า ที่มีขนาดค่อนข้างจำกัด ทำให้ไม่สามารถสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้มากนัก
สิ่งที่มาเก๊าเร่งทำ ก็คือ การใช้แคมเปญ Tourism+ จับคู่การท่องเที่ยวกับประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น อาหาร (Tourism+Gastronomy) ซึ่งอาศัยความเป็นเมืองที่มี
นอกจากนี้ มาเก๊า ยังรุกการท่องเที่ยว Multi-destination เชื่อมโยงการเดินทางหลายๆ จุดเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮ่องกง ที่เดินทางถึงกันได้สะดวก เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยว ตามเทรนด์การท่องเที่ยวที่หลังจากเกิดภาวะเศรษฐกิจ ทำให้แม้แต่เรื่องท่องเที่ยวพักผ่อน ก็ต้องการความคุ้มค่าและคุณค่า ดังนั้นเมื่อเดินทางแล้วก็ต้องการประสบการณ์ที่หลากหลายภายในการเดินทางรอบเดียว และเมื่อการเดินทางจากประเทศไทยไปยังมาเก๊า – ฮ่องกง มีเที่ยวบินต่อวันจำนวนมาก การวางแผนเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างกัน ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างเพื่อดึงนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่ต้องการใช้เวลาให้คุ้มค่า






