ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน และนักท่องเที่ยวบางกลุ่มยังไม่กลับมาเต็มรูปแบบ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล กลับเดินเกมรุกด้วยกลยุทธ์ ‘ช้อปช่วยชาติ’ สร้างมหกรรมลดราคากลางปี “Summer Grand Sale 2025” ด้วยงบลงทุนสูงถึง 1,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายภายในประเทศ ดันการท่องเที่ยว และผลักดันไทยสู่การเป็น Shopping Paradise ของเอเชียอย่างเต็มตัว
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ตลอดกว่า 16 ปี เซ็นทรัลพัฒนาเดินหน้ากำหนดกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงโควิด เราก็ยังคงเป็นแรงผลักดันหลักผ่านแคมเปญ Summer Grand Sale 2025 ช้อปช่วยชาติ โดยเป็นภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในความร่วมมือกับกลุ่มเซ็นทรัลและภาครัฐ ถือเป็น Key Driver ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงโลว์ซีซั่นและช่วยฟื้นฟูประเทศ
Mid-Year Sale ปลุกพลังช้อปช่วยชาติ ทะยาน Shopping Paradise ของเอเชีย
วันนี้เซ็นทรัลพัฒนาเดินหน้าผลักดันไทยสู่การเป็น Global Shopping Destination ที่แข่งขันได้ทั้งในเอเชียและเวทีโลก ด้วย Midyear Sale Campaign ที่ครบทุกหมวดสินค้า สนับสนุนผู้ประกอบการทุกระดับทั่วประเทศ พันธมิตรภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเท่าตัว ด้วยการทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาทจัดแคมเปญ “Summer Grand Sale 2025” รวมกว่า 28,000 แบรนด์ และ 12,000 ร้านค้า ส่วนลดสูงสุดถึง 80% โดยตั้งเป้าเพิ่มทราฟฟิกทั่วประเทศอีก 25–30% เพื่อสร้างอิมแพกต์ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม
“Mid-Year Sale เดิมทีคนไทยต้องบินไปสิงคโปร์หรือฮ่องกงเพื่อช้อปปิ้ง แต่วันนี้เซ็นทรัลพลิกเกม ใช้ความแข็งแกร่งของเครือเซ็นทรัลทั่วประเทศ รวบรวมกว่า 12,000 ร้านค้า และ 28,000 แบรนด์ มาสร้างอีเวนต์ที่ใหญ่ไม่แพ้ 2 ประเทศ พร้อมดึงดูดกลุ่มนักช้อปคุณภาพจากทั่วโลกให้บินมาตั้งเป้าหมายที่ “ประเทศไทย”
อย่างไรก็ดีปัจจุบันถือเป็นอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในการใช้จ่ายมากกว่าที่เคย โดยมีเทรนด์ระดับโลกอย่าง ‘Loud Budgeting’ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม Gen Z และคนรุ่นใหม่ ซึ่งเลือกใช้เงินอย่างมีเป้าหมาย โชว์ความคุ้มค่า ซึ่งสอดคล้องกับแคมเปญ “Summer Grand Sale 2025” ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. – 13 ก.ค. 2568นี้ เพื่อจุดกระแสการใช้จ่ายให้เกิดขึ้นจริง โดยชวนคนไทยออกมาช้อปอย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะสามารถสร้างทราฟฟิกทั่วประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 25–30%
“ช่วงไตรมาส 2–3 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของการฟื้นตัว แคมเปญนี้สะท้อนบทบาทของภาคเอกชนในการผลักดันเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นตัวอย่างของการผนึกกำลังระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งกลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล หน่วยงานภาครัฐ พันธมิตรบัตรเครดิต และกว่า 28,000 แบรนด์ดังทั่วประเทศ และเพิ่มขึ้นทุกๆปี พร้อมกันนี้ เรายังมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Top of Mind Shopping Destination ของเอเชีย เป็นจุดหมายปลายทางนักช้อป”
ดึงกำลังซื้อจากทั่วโลก-แม้นักท่องเที่ยวจีนชะลอตัว
แม้ปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะหายไปกว่า 1 ล้านคน แต่ไทยยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยม โดยเซ็นทรัลพัฒนาชี้ว่าการเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยวจาก ยุโรปเพิ่มขึ้นกว่า 30% ทั้งอิตาลี นอร์เวย์ อังกฤษ รวมถึงกลุ่ม CLMV และมาเลเซียที่เดินทางเข้ามามากขึ้น ทั้งจากอุดรฯ อุบลฯ หาดใหญ่ และภูเก็ต โดยเฉพาะศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่จำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัล ภูเก็ต เพิ่ม 111% ,เซ็นทรัลเวิลด์เพิ่มขึ้น 30%, เซ็นทรัล เชียงใหม่ เพิ่ม 110%และเซ็นทรัล พัทยา เพิ่ม 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สะท้อนความสำเร็จจากการเป็น Tourist Mall ที่ตอบโจทย์ครบทุกมิติ ทั้งกิน-เที่ยว-ช้อปได้ 24 ชั่วโมงทั่วไทย
นอกจากนี้เซ็นทรัลยังได้ผนึกกำลังกับทั้ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล และบัตรเครดิตชั้นนำจากทุกธนาคาร ร่วมสร้าง Omnichannel Experience ที่ไร้รอยต่อ พร้อมแคมเปญ “Amazing Thailand Grand Sale” ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายในไทยให้มากที่สุด นอกจากนี้ยังเชิญผู้ประกอบการนำเที่ยวและ KOLs จากจีนกว่า 600 คน มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ Street Food ที่ Hug Thai, centralwOrld และเยี่ยมชมงานคราฟต์ไทยที่ร้าน Good Goods เพื่อโปรโมตไทยในฐานะจุดหมายปลายทางครบทุกมิติ ทั้งช้อป-กิน-เที่ยว ทั้งนี้ มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ทั้ง short-haul จากจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และมาเลเซีย รวมถึง long-haul จากรัสเซีย ยุโรป อเมริกา และเอเชียกลาง
เปิด 3 กลยุทธ์ขับเคลื่อน ‘Summer Grand Sale 2025’ ดันไทยสู่ Global Shopping Destination
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทได้วางแผนยการดำเนินงานผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญในการผลักดันแคมเปญ ‘Summer Grand Sale 2025’ ให้เป็นมหกรรมช้อปกลางปีที่ ดันไทยสู่ Global Shopping Destination
- Digital-driven Marketing ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์ม Central X ทำหน้าที่เสมือน Convenient Shopping Assistant ที่เชื่อมโยง Journey ของลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ (O2O) ลูกค้าสามารถค้นหาโปรโมชั่นล่าสุด สแกนบัตรจอดรถ ดูแผนที่ร้านค้า ตลอดจนสะสมยอดใช้จ่ายเพื่อร่วมกิจกรรม Top Spender ได้โดยไม่ต้องเก็บใบเสร็จ นอกจากนี้ยังมีการแจกรางวัล Lucky Draw ในรูปแบบ The 1 Points กว่า 4,000,000 คะแนน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของผู้บริโภคยุคใหม่
- FOMO-driven Strategy อีกไฮไลต์สำคัญ คือ Flash Deal โดยในปีนี้จัดเต็มถึง 5 รอบ ได้แก่ Flash 6.6, Flash 7.7, Flash Deal (Mid Month), Flash Pay Day และ Flash Final Call ครอบคลุมสินค้าทุกหมวดหมู่ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการจับจ่ายในยุคใหม่ สร้างการจดจำและการรอคอยในช่วงเวลาที่ดีลแรงจะกลับมา พร้อมกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในทันที
- KOLs and Influencer-driven Marketing ใช้พลังของคนรุ่นใหม่ในการสร้างสีสันให้แคมเปญ เข้าถึงกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเป็น Trendsetter ในปัจจุบัน พร้อมเชื่อมโยงกับเทรนด์และกระแสในโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการรับรู้ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปีนี้เสริมทัพด้วย KOL Gen Z อาทิ กลุ่ม Cheer Leader จากจุฬาฯ ถ่ายทอดแบรนด์ในมุมมองที่สดใหม่ จริงใจ และทันเทรนด์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภครุ่นใหม่