HomeBrand Move !!“บริการกำจัดขน” หมัดเด็ดจาก “THE KLINIQUE” ที่ส่งมาชิงฐานคนรุ่นใหม่ในตลาดความงาม 76,500 ล้านบาท

“บริการกำจัดขน” หมัดเด็ดจาก “THE KLINIQUE” ที่ส่งมาชิงฐานคนรุ่นใหม่ในตลาดความงาม 76,500 ล้านบาท

แชร์ :

แม้ในปัจจุบัน “บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)” หรือ “THE KLINIQUE” จะเป็นผู้นำคลินิกความงาม ด้วยรายได้ 3,000 ล้านบาท จากตลาดรวมความงามทั้งหมด 70,000 ล้านบาท แต่เมื่อมองมาที่ Brand Awareness แล้วยังมีผู้บริโภคไม่รู้จักแบรนด์อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า New Gen จึงเป็นโจทย์ใหญ่ให้ THE KLINIQUE ต้องสร้างการรับรู้แบรนด์กับฐานลูกค้ารุ่นใหม่ ให้มากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง และเป็น Top of Mind Brand ของผู้บริโภคทุกกลุ่ม แล้วคลินิกความงามที่อยู่กับผู้บริโภคชาวไทยมา 16 ปีอย่าง THE KLINIQUE จะสร้างแบรนด์กับคนรุ่นใหม่อย่างไร? Brand Buffet ชวนมาศึกษาวิธีคิด พร้อมอัพเดทเทรนด์ความงามในปี 2568

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“อยากคุยกับเด็ก” มากขึ้น โจทย์ใหญ่ THE KLINIQUE ในวัย 16 ปี

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2552 ตอนนั้นตลาดความงามในประเทศไทยมีมูลค่าเพียง 10,000-20,000 ล้านบาท 16 ปีต่อมา ตลาดความงามเติบโตเพิ่มขึ้นจนมีมูลค่าตลาด 70,000 ล้านบาท และปีนี้น่าจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 76.500 ล้านบาท เติบโต 2.8% แบ่งเป็นบริการดูแลผิว (แบบไม่ผ่าตัด) 75% และบริการแบบผ่าตัด 25% โดยคาดว่าในอีก 7 ปีข้างหน้าตลาดจะเติบโตถึง 11.6% ซึ่งจะทำให้ตลาดความงามมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 130,000 ล้านบาท ทั้งยังส่งผลให้การแข่งขันรุนแรง โดยปัจจุบันมีผู้เล่นในตลาดประมาณ 2,000 แบรนด์ และมีจำนวนคลินิกกว่า 2,500 แห่ง

สำหรับ THE KLINIQUE ตลอด 16 ปีที่ผ่านมาในตลาดความงามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีรายได้ที่ 3,000 ล้านบาท เติบโต 30% มากกว่าตลาด และถือเป็นผู้นำในแง่รายได้ ส่วนปีนี้คาดการณ์รายได้เติบโต 20-30% แต่เมื่อมามองที่ Brand Awareness นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า มีผู้บริโภคที่ยังไม่รู้จักแบรนด์ THE KLINIQUE อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่ม Young Gen

 

ส่วนหนึ่งเพราะตลาดมีการแข่งขันสูง ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น บวกกับการวางตำแหน่งเป็นพรีเมี่ยมแบรนด์ ทำให้ Perception ที่คนรุ่นใหม่มองมาคือ ราคาค่อนข้างสูง จึงทำให้ฐานลูกค้าหลักของ THE KINIQUE เป็นกลุ่มคนอายุ 35 ปีขึ้นไป ส่วนกลุ่ม Young Gen มีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของลูกค้าทั้งหมด 400,000-500,000 ราย ด้วยเหตุนี้เอง THE KLINIQUE จึงต้องการขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ให้มากขึ้น แม้ปัจจุบันกำลังซื้อของลูกค้ากลุ่มนี้จะน้อยกว่ากลุ่ม Gen X และ Gen Y แต่นายแพทย์อภิรุจมองว่า เมื่อคนกลุ่มนี้เติบโตสู่วัยทำงาน ก็จะมีกำลังซื้อมากขึ้น และหันมาใช้บริการอื่นๆ เพิ่ม จนกลายมาเป็นลูกค้าประจำได้

สร้างแบรนด์ผ่านเพลง ท้าชิงตลาดกำจัดขน

ปีที่แล้ว THE KLINIQUE จึงเริ่มปรับกลุทธ์ใหม่ โดยเลือกใช้ Music Marketing มาทำการสื่อสารกับกลุ่ม Young Gen ผ่านมิวสิควิดีโอเพลงหมอไหนเป็นครั้งแรก จนมีผู้ติดตามรวมทุกช่องทางกว่า 1 ล้านบาท ทั้งยังช่วยให้แบรนด์เข้าถึงคนที่ยังไม่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม New Gen โดยมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 10%  

มาปีนี้จึงบุกสร้าง Brand Awareness ต่อ โดยยังคงใช้กลยุทธ์ Music Marketing ในการสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง แต่สิ่งที่แตกต่างออกไป นายแพทย์อภิรุจ บอกว่า แคมเปญในปีนี้จะเน้นกลุ่ม Young Gen ในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น เนื่องจากสาขาทั้งหมดของ THE KLINIQUE ที่มี 45 สาขา เกือบครึ่งเป็นสาขาในต่างจังหวัด รวมทั้งจะนำบริการที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ชื่นชอบมาสื่อสาร นั่นคือ บริการกำจัดขน เพราะเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตน่าสนใจ แม้ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลตลาดชัดเจน แต่จากการศึกษาพบว่า ยอดขายเครื่องมือแพทย์กำจัดขนสูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยจำหน่ายได้กว่า 1,000 เครื่อง ขณะที่เครื่องมือแพทย์อื่นๆ มียอดขายเพียง 200-400 เครื่องเท่านั้น

ขณะเดียวกันหากดูรายได้จากการบริการกำจัดขนของ THE KLINIQUE ในปีที่ผ่านมา จะพบว่าเติบโตถึง 30% แม้จะบุกตลาดได้ไม่นาน โดย 50% เป็นลูกค้าใหม่จากคลินิกอื่น และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ แบ่งเป็นหญิง 70% ชาย 30% เนื่องจากกังวลเรื่องความสวยงามเวลาสวมใส่เสื้อผ้า โดยเป็นการแก้เคสถึง 50% นั่นจึงเป็นที่มาของการนำบริการกำจัดขนมาเป็นไม้เด็ดในการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายในครั้งนี้ แต่ก็ยอมรับว่า พอพูดถึงการกำจัดขน หลายคนอาจจะไม่ค่อยกล้าพูด จึงเลือกใช้เพลงลูกทุ่งมาเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องเหล่านี้แทน กระทั่งออกมาเป็นมิวสิควิดีโอเพลงลูกทุ่ง “ถ้าพี่ไม่ชัวร์ หนูอยากโดน (เล)” ร้องโดย จ๊ะ นงผณี มหาดไทย และ BADIXY เพื่อโปรโมตบริการกำจัดขนไปยังผู้บริโภคกลุ่มใหม่ รวมถึงกลุ่มคนในต่างจังหวัด

โดยปัจจุบันมียอดคนดูหลายแสนวิว แม้จะยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทำให้นายแพทย์อภิรุจเชื่อว่า จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยมาใช้บริการ ทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่และลูกค้าต่างจังหวัดได้เพิ่มขึ้นเป็น 15-20% ในสิ้นปีนี้ และจะขยับรายได้บริการกำจัดขนเป็น 15-20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ของรายได้รวมทั้งหมด

“สวยติดแกลม” เทรนด์ฮิตของสาวไทย

ถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะรักสวยรักงามกันมากขึ้น จนทำให้อุตสาหกรรมคลินิกความงามเติบโต โดยตลาดใหญ่สุดยังเป็นอเมริกา รองลงมาคือ เอเชียแปซิฟิก โดยในปี 2570 คาดว่า อุตสาหกรรมคลินิกความงามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีมูลค่า 1.9 ล้านล้านบาท (55,900 ล้านดอลลาร์ยูเอส) หรือเติบโต 3 เท่า จากปี 2563 ที่มีมูลค่า 678,460 ล้านบาท (20,000 ล้านดอลลาร์ยูเอส)

แต่เมื่อมาดูพฤติกรรมของผู้บริโภคก็ปรับเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจของ Euromonitor ปี 2022 พบว่า มี 3 เทรนด์น่าสนใจ ดังนี้ 1.สวยแบบมีสุขภาพดี (Looking Healthy) 2.สวยสะอาดสะอ้าน (Hygiene/Cleanliness) 3.สวยแบบมั่นใจ (Being Comfortable in your own Skin)

ที่น่าสนใจคือ เมื่อเทียบกับทั่วโลก “ไทย” เป็นประเทศเดียวที่ให้ความสำคัญกับกับนิยามความงามแบบสวยสวยติดแกลม (Glamorous Beauty) หรือความสวยเรียบหรู ดูแพง มากเป็นอันดับ 2 รองจากความสวยแบบมีสุขภาพดี สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยมีความต้องการในการดูแลตัวเองแบบเฉพาะ

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE

 


แชร์ :

You may also like