
ข้อมูลจาก “The 2024 Global Status Report for Buildings and Construction” โดย UNEP ระบุว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคการก่อสร้างคิดเป็น 1 ใน 5 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก มากไปกว่านั้นในปี 2565 การก่อสร้างอาคารยังใช้พลังงานโลกกว่าร้อยละ 34 ที่สำคัญในปีเดียวกัน การก่อสร้างอาคารมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่าร้อยละ 37 ด้วยความเสี่ยงดังกล่าว หากภาคธุรกิจไม่เร่งปรับตัว อุณหภูมิโลกจะมีโอกาสสูงขึ้นตามการคาดการณ์ของสหประชาชาติ
นอกจากนี้ยังได้มอบสัญลักษณ์ “Carbon Footprint” ให้กับกลุ่มพันธมิตรที่ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน เพื่อสร้างต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับเครือข่ายทางธุรกิจได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมาเบเยอร์ได้มีการจัดตั้ง “Net Zero Innovation & Solution Center” เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งห่วงโซ่อุปทานมาพัฒนาโครงการต้นแบบในการสร้างธุรกิจคาร์บอนต่ำ ที่สำคัญงานดังกล่าวถือเป็น Net Zero Event หรือการจัดกิจกรรมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ งานแรกในประเทศไทย โดยได้รับการรับรองจาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก.
ด้านนายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ กล่าวว่า “เบเยอร์คูล” ถือเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญในการค้นคว้าและวิจัยในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดสู่การส่งมอบนวัตกรรมสีทาบ้านเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีในการอยู่อาศัยและเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างการเปลี่ยนผ่านในภาคอุตสาหกรรมเพื่อร่วมสร้างอาคารรักษ์โลกหรือ “Green Building” ในห่วงโซ่อุปทานทางธุรกิจ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับ การต่อยอดในการหาเครื่องมือจากเทคโนโลยีที่สำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกค้า คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เบเยอร์เป็นแกนกลางที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ในทุกห่วงโซ่อุปทานทางธุรกิจอย่างยั่งยืน สอดรับกับพันธกิจที่สำคัญของเบเยอร์ในการเป็นผู้นำสีนวัตกรรมที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม” นายพงษ์เชิด กล่าวเสริม




