เทเลนอร์

จากข้อมูลของฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ ระบุว่าการควบรวมกิจการและการซื้อกิจการเป็นสิ่งที่พบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ซึ่งหากหันมามองประเทศไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่า ธุรกิจโทรคมนาคมของบ้านเราได้ปรับตัวสอดคล้องกับสิ่งที่การ์ทเนอร์คาดการณ์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทค เกิดเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ “บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 หรือการซื้อกิจการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ 3BB ของเอไอเอส ที่ดำเนินการจนแล้วเสร็จในปีเดียวกัน และเกิดเป็นแบรนด์ใหม่ในชื่อ “AIS – 3BB FIBRE 3” 

ปี 2021 แม้ยังต้องเจอกับผลกระทบโควิด-19 อย่างหนักต่อเนื่องจากปีก่อน แต่หลายธุรกิจยังมีความเคลื่อนไหวคึกคักในการ “ซื้อกิจการ-ควบรวมบริษัท” แต่ละบิ๊กดีลมูลค่าหลักหมื่นล้านไปถึงแสนล้าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มค้าปลีก โทรคมนาคม พลังงาน ธนาคาร ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังมาแรง

หลังจากที่ช่วงเช้ามีการส่งเอกสารยืนยันว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการควบบริษัท ระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นจํากัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชันจํากัด (มหาชน) หรือ dtac 

สำนักข่าวรอยเตอร์เผยกลุ่มเทเลนอร์ (Telenor Group) อยู่ระหว่างเจรจากับกลุ่มซีพี (CP Group) ในการควบกิจการโทรคมนาคมในประเทศไทย โดยหากดีลนี้ประสบความสำเร็จ จะเท่ากับการควบกิจการระหว่างดีแทคกับทรู คอร์ปเปอเรชันเข้าด้วยกัน และทำให้เกิดบริษัทใหม่ที่มีส่วนแบ่งตลาด 52% แซงหน้าผู้นำตลาดปัจจุบันอย่าง AIS ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 44% ได้สำเร็จ (อ้างอิงจาก Danske Bank)

กลุ่มเทเลนอร์ประกาศขายธุรกิจโทรคมนาคมใน “เมียนมา” ให้กับกับกลุ่ม M1 แล้ว คิดเป็นมูลค่า 105 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3,407 ล้านบาท หลังสถานการณ์ในประเทศเมียนมายังไม่ดีขึ้นจากการรัฐประหาร

รัฐประหารทำพิษ เทเลนอร์ (Telenor) ประกาศด้อยค่าสินทรัพย์การลงทุนในทางบัญชีในเมียนมาเต็มจำนวนที่ 6.5 พันล้านโครนในไตรมาสนี้ ส่งผลให้กลุ่มเทเลนอร์มีการบันทึกขาดทุนสุทธิในไตรมาสแรกไว้ที่ 3,889 ล้านโครน หรือประมาณ 14,557 ล้านบาทเลยทีเดียว

  เชื่อว่าสำหรับหลายคนคงได้ฟังเทรนด์ด้านผู้บริโภคกันมาหลายเวทีแล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าปี 2021 ที่กำลังเริ่มต้นนี้ เราคงได้ทดลองใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ ๆ อีกมากมาย แถมเป็นชีวิตที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวพันมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียด้วย

เทเลนอร์ รีเสิร์ช เผย 10 แนวโน้มสำคัญทางเทคโนโลยีในปี 2020 ชี้การเกิดขึ้นของ 5G จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญแห่งโลกเทคโนโลยี และส่งผลให้นวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องอย่าง AI และ IoT ถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวางมากขึ้น และสามารถเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคไปอย่างสิ้นเชิง