HomeCannes Lions & Awardsเปิด 4 เทรนด์สำคัญเวที Cannes Lions 2019 พร้อมตามดูตัวเต็ง 20 โฆษณาแห่งปี

เปิด 4 เทรนด์สำคัญเวที Cannes Lions 2019 พร้อมตามดูตัวเต็ง 20 โฆษณาแห่งปี

แชร์ :

ในทุก ๆ ปี การติดตามการประกาศผลรางวัล Cannes Lions International of Creativity อาจเป็นหนึ่งในอีเวนท์สำคัญของคนรักงานครีเอทีฟ และเป็รประจำทุกปีที่ทาง Leo Burnett โดย Mark Tutssel ประธานบริหารของ Leo Burnett Worldwide จะเป็นโต้โผใหญ่รับหน้าที่นี้ และในปีนี้ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มาร์คจะเป็นผู้ที่เก็งรางวัลก่อนที่เขาจะเกษียณในปลายเดือนนี้ นอกเหนือกจากเลือกงานมา 20 ชิ้นที่มีสิทธิ์คว้าสิงโต โทรฟี่อันทรงคุณค่าของวงการโฆษณากลับบ้านแล้ว เขายังได้เผยถึง 4 เทรนด์เด่น ๆ ที่จะมีส่วนสำคัญในวงการโฆษณา 4 เทรนด์สำคัญ และงานเด่นทั้ง 20 ชิ้นมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยยยยยยย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune
  1. แบรนด์ยุคใหม่ใจต้องกล้า

ในเรื่องความกล้าของแบรนด์ Mark Tutssel ได้ชวนเรามองย้อนกลับไปในรอบปี ซึ่งเชื่อว่าหลายคนยังคงจำได้กับ Nike ที่ทำแคมเปญ Dream Carzy โดยมีการใช้นักกีฬาดังมากมายรวมถึง Colin Kaepernick ควอเตอร์แบ็กผู้ประท้วงนโยบายของรัฐบาลด้วยการนั่ง “คุกเข่า” เมื่อเพลงชาติดังขึ้นมาเป็นตัวเอก แม้แคมเปญนั้นจะลุกลามกลายเป็นกระแสประท้วงแบรนด์ Nike จนเกิดการเผารองเท้ากันมากมาย แต่ในอีกด้านก็แสดงถึงความตั้งมั่นของแบรนด์ที่จะยืนหยัดสนับสนุนนักกีฬาและสิ่งที่พวกเขาเชื่อ (และยอดขายออนไลน์ของ Nike ก็พุ่งขึ้นถึง 31% ด้วย)

เช่นเดียวกับ Adidas ที่ทำแคมเปญ “Billie Jean King Your Shoes” กับการนำอดีตนักเทนนิสสัญชาติอเมริกันชื่อดัง Billie Jean King ผู้เป็นเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 39 สมัยมาถ่ายทอดแรงบันดาลใจของเธอที่ต้องการสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างเพศหญิงกับเพศชายด้วยการนำรองเท้ากีฬาสารพัดแบรนด์มาพ่นด้วยสีฟ้า ให้เป็นแถบสีสามเส้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเธอเมื่อครั้งโลดแล่นอยู่ในคอร์ทเทนนิส

2. Mixed Reality ยุคนี้ต้องเริ่มแล้ว

Tutssel ยังมองด้วยว่าเทศกาล Cannes Lions ปีนี้ให้คุณค่ากับการที่แบรนด์นำ AR และ VR มาใช้งาน หนึ่งในนั้นคือแคมเปญชื่อ “adDRESS the Future” ของ Carlings ที่เข้าใจอินไซต์ของคนรักการแต่งตัว ว่าเขาเหล่านั้นจะไม่ยอมใส่เสื้อซ้ำเดิมเพื่อถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดียเป็นแน่ แต่ยิ่งช้อป ขยะและสิ่งเหลือใช้จากการผลิตเสื้อผ้าก็ยิ่งล้นโลก Carlings ก็เลยพัฒนาห้องเสื้อดิจิทัลขึ้นมาเสียเอง โดยผู้ใช้งานเพียงถ่ายภาพตัวเองส่งเข้าไปในระบบ จากนั้น ก็เลือกเสื้อผ้าที่ต้องการใส่ ระบบจะจัดเสื้อผ้าให้เข้ากับรูปร่างของเราแล้วส่งกลับมา กลายเป็นภาพเราใส่ชุดล้ำ ๆ และสามารถโพสต์ลงโซเชียลมีเดียอวดคนอื่นได้โดยไม่สร้างขยะเพิ่ม

หรือแคมเปญ “Football Decoded” ของ Microsoft Xbox ที่จับมือกับทีมรีอัล มาดริด แปลผลการเล่นบนสนามจริงของนักเตะเป็นโค้ดในการกดปุ่มบนจอยบังคับของ Xbox แบบเรียลไทม์ เช่น มีการยิงประตูได้ บริเวณป้ายไฟริมสนามก็จะปราฏโค้ดออกมาว่า จะยิงท่านี้ต้องกดปุ่มอะไรบ้าง เป็นต้น

3. ใครไม่ลงมือทำ ตกรอบ

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เรื่องของการลงมือทำ ลงไปสร้างประโยชน์ให้เกิดกับชีวิตของผู้คนจริง ๆ อย่าแค่นำเสนอโฆษณาอย่างเดียว ตัวอย่างของแบรนด์ในกลุ่มนี้เช่น Burger Kings กับแคมเปญ Whopper Detour ที่ให้ส่วนลดกับใครก็ตามที่ไปกดสั่งซื้อ Whopper ใกล้ ๆ กับร้าน McDonald’s ซึ่งผลของแคมเปญดังกล่าวทำให้ยอดดาวน์โหลดแอปของ Burger King เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านครั้งภายใน 9 วัน และช่วยให้ทราฟฟิกในร้านช่วงที่จัดแคมเปญสูงเป็นประวัติการณ์

หรือ Ikea กับแคมเปญ “Museum of Romanticism” ที่ Ikea ต้องการจะบอกว่าเฟอร์นิเจอร์ของตนเองนั้นเหมาะที่จะวางในทุก ๆ ห้องแม้กระทั่งสถานที่จัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ โดยงานนี้ Ikea เล่นใหญ่กับการนำเฟอร์นิเจอร์เข้าไปติดตั้งตามจุดต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑ์ และท้าทายให้ผู้คนเข้าไปเดินหาว่ามันอยู่ตรงไหนกันบ้าง ซึ่งหลายคนอาจคิดว่ามันง่ายกับการแยกแยะเฟอร์นิเจอร์ในศตวรรษที่ 18 ออกจากสินค้าของ Ikea แต่ปรากฏว่า เอาเข้าจริง มันมีทั้งคนที่สังเกตเห็นและแยกไม่ออก เลยทำให้เกิดการเข้าไปเสิร์ชหา และเกิด Engagement บนโซเชียลมีเดีย และสื่อต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก กลายเป็นความสำเร็จที่ต้องยกนิ้วให้ในความคิดสร้างสรรค์

4. Data คือเทรนด์ที่ห้ามเมิน

เราอยู่ในยุคที่ Data คือหลักฐานสำคัญ และหากใครไม่ใช้ หรือใช้ไม่เป็น ก็อาจไปต่อไม่ได้ไกลนัก หนึ่งในแบรนด์ที่ใช้ Data ได้ดีในมุมของ Tutssel คือ Pernod Ricard แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากแดนน้ำหอม ที่นำเสนอเรื่องราวของ Data ผ่านแคมเปญ The Time We Have Left ด้วยการเชิญคนสองคนที่บอกว่าตนเองรักใครสนิทสนมกันบนความสัมพันธ์แบบต่าง ๆ มา และสุดท้ายมีการคำนวณโดยใช้เทคโนโลยีเพื่อระบุว่า แท้จริงแล้วพวกเขานั้นใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากเท่าไร นัยว่าเพื่อต้องการสะท้อนว่า  จริง ๆ แล้ว เราใช้เวลาไปกับสิ่งอื่นที่ไม่สำคัญมากกว่าหรือเปล่า

นอกจากนี้ Mark Tutssel ยังเลือกผลงานมาอีก 20 ชิ้น ที่น่าจะโดนใจกรรมการ ประกอบด้วย

1.Nike “Just Do It ‘Dream Crazy'” // Wieden + Kennedy (Portland, USA)

https://www.youtube.com/watch?v=Fq2CvmgoO7I&feature=youtu.be

 

2.Pernod Ricard – Ruavieja “The Time We Have Left” // Leo Burnett (Madrid, Spain)

3.John Lewis & Partners “The Boy and the Piano” // Adam&eveDDB (London, UK)

https://www.youtube.com/watch?v=mNbSgMEZ_Tw&feature=youtu.be

4.Chicken Ramen “Akuma No Kimura” // Dentsu Inc. (Tokyo, Japan)

5. Mars Wrigley Confectionary – Skittles “Broadway the Rainbow” // DDB (ChicagoUSA)

6.Amazon Prime “Great Shows Stay With You” // Droga5 (London, UK)

7.Centre Pompidou “Souvenirs de Paris // Marcel (Paris, France)

8.Burger King “Whopper Detour” // FCB (New York, USA)

https://www.youtube.com/watch?v=D6uuEQmn5vQ

9.Essity “Viva La Vulva” // AMV BBDO (London, UK)

10.The New York Public Library “Insta Novels” // Mother (New York, USA)

11.HBO “Westworld: The Maze” // 360i (New York, USA)

12.Kraft Heinz – Country Time Lemonade “Legal-Ade” // Leo Burnett (ChicagoUSA)

 

13.Adidas “Billie Jean King Your Shoes” // TBWA\Chiat\Day (New York, USA)

 

14.Shiseido “My Crayon Project” // R/GA (Tokyo, Japan)

 

15.IKEA “Museum of Romanticism” // McCann (Madrid, Spain)

16.Microsoft Xbox “Football Decoded” // McCann (London, UK)

 

17.FELGTB “The Hidden Flag” // LOLA MullenLowe (Madrid, Spain)

18.The New York Times “The Truth Is Worth It” // Droga5 (New York, USA)

https://www.youtube.com/watch?v=PZJdKuTRN5E

19.Carlings “adDRESS the Future” // VIRTUE (Copenhagen, Denmark)

 

20.Netflix “Narcos The Censor’s Cut” // J. Walter Thompson (Bangkok, Thailand)

https://www.facebook.com/NetflixTH/videos/1169951883155810/

 

และทั้งหมดนี้ ก็คือเทรนด์มาแรงของวงการโฆษณา ที่นำเสนอผ่านตัวอย่างเด็ด ๆ ของผู้เข้ารอบสุดท้ายในการประกาศผลรางวัล Cannes Lions ปีนี้ รวมถึงอาจเป็นเทรนด์ที่ชวนให้คนในแวดวงโฆษณาต้องหันกลับมาทบทวนกันด้วยว่า เราให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างถูกจุดหรือไม่ หรือยังมีอะไรที่เราต้องหามาเติมเต็ม

Source

Source

Source

Source

 


แชร์ :

You may also like