electric road ขอบคุณภาพจาก elonroad
ปัจจุบัน แม้ว่าระยะทางที่รถยนต์ไฟฟ้าจะวิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 200 ไมล์แล้วก็ตาม แต่การพัฒนา “ถนน” ที่สามารถชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านั้นได้ ก็ยังมีความจำเป็น และสามารถสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนมากกว่า
เหตุที่ต้องกล่าวเช่นนั้นเพราะการมีถนนที่รถสามารถชาร์จไฟได้ หรือ Electric Road นั้น จะช่วยลดขนาดของ “แบตเตอรี่” อุปกรณ์ที่มีราคาแพงที่สุด และจำเป็นที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้าให้มีขนาดเล็กลงมากกว่าที่เป็นอยู่นั่นเอง การลดขนาดของแบตเตอรี่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เนื่องจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ไม่จำเป็นต้องขุดหาลิเธียม และโลหะหนักอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่กันแบบมหาโหดเหมือนที่เป็นอยู่
ถนนคอนเซ็ปต์ใหม่นี้กำลังเกิดขึ้นแล้วในเมืองลุนด์ ประเทศสวีเดน โดยจะมีจุดชาร์จไฟจะอยู่กลางถนน และจะมีการเชื่อมต่อกับชิ้นส่วนบางอย่างของรถยนต์เพื่อจ่ายกระแสไฟเข้าไปยังตัวรถได้โดยไม่ต้องหยุดรถเพื่อชาร์จไฟอีกต่อไป
“ยิ่งเราใช้วัตถุดิบน้อยเท่าไรในการผลิตแบตเตอรี่ ก็ยิ่งส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมมากเท่านั้น” Dan Zethraeus ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Elonroad บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้กล่าวพร้อมเผยว่า เขาเริ่มคิดถึงการออกแบบ Electric Road มาตั้งแต่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว (แม้จะชื่อ Elonroad แต่บริษัทของเขาไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับ Elon Musk) เหตุที่ต้องคิดเพราะเขาเองก็อยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน แต่ติดที่รถวิ่งได้เป็นระยะทางไม่มากนัก ก็ต้องชาร์จไฟใหม่อีกแล้ว
ปัจจุบัน ถนนที่เขาพัฒนาขึ้น สามารถชาร์จไฟให้รถวิ่งต่อไปได้ราว 2 กิโลเมตร แต่ในอนาคต เทคโนโลยีก็จะพัฒนาไปเรื่อย ๆ และคาดว่าจะชาร์จไฟได้มากกว่านี้แน่นอน
Dan Zethraeus ยังคาดการณ์ด้วยว่า Electric Road จะช่วยให้แบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้ามีขนาดเล็กลงราว 80% เลยทีเดียว และเมื่อแบตเตอรี่มีขนาดเล็กลง “ราคา” ของรถยนต์ไฟฟ้าก็จะลดลงตามไปด้วย
นอกจากนั้น เขายังมองว่าการมี Electric Road ยังช่วยให้เมืองใหญ่ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องสร้างสถานีชาร์จไฟเตรียมไว้รองรับ และรถยนต์ในเมืองใหญ่ก็ไม่ต้องเสียเวลาจอดรอขณะชาร์จไฟ
เยอรมนีชาร์จไฟในอากาศ
ส่วนภาพที่เกิดในเยอรมนี เพื่อนบ้านของสวีเดน ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่รูปแบบอาจตรงกันข้าม เพราะเยอรมนีพัฒนาขึ้นจากการลากสายไฟฟ้าบนอากาศ เพื่อให้รถบรรทุกไฟฟ้าได้เกาะเกี่ยว และชาร์จไฟไปพร้อมกันขณะวิ่งรับส่งสินค้า
ระบบดังกล่าวพัฒนาโดยบริษัท Siemens โดยมีชื่อว่า eHighway และเริ่มทดสอบการใช้งานบนถนนสาธารณะของเยอรมนีแล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งทาง Siemens เผยข้อดีของการพัฒนาระบบชาร์จไฟในลักษณะนี้ว่า สามารถ Integrate เข้าไปกับถนนทุกสายได้นั่นเอง
ส่วนงบประมาณที่รัฐบาลเยอรมนีลงทุนพัฒนารถบรรทุกให้สามารถชาร์จไฟจากระบบนี้ได้อยู่ที่ 70 ล้านยูโร โดยทาง Siemens เผยว่า เจ้าของรถบรรทุกสามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้กว่า 20,000 ยูโร ต่อการเดินทาง 100,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทั้งนี้ ระบบ eHighway ยังถูกนำไปทดสอบในสวีเดน และลอสแองเจลลิส สหรัฐอเมริกาด้วย