It’s On Us เป็นแคมเปญที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าในปี 2014 และมีการต่อยอดโดยยกระดับการพูดถึงปัญหาเรื่องเซ็กส์ในหมู่วัยรุ่นได้แบบเข้าถึงวัยรุ่นอย่างแท้จริง โดย Rebecca Kaplan ไดเรคเตอร์ของแคมเปญนี้ได้กล่าวว่า “นี่เป็นโฆษณาที่กระทุ้งได้ตรงจุดมากๆ และพวกเราชอบมันมาก มันเป็นครั้งแรกที่นำเรื่องของภาษามาใช้ และความสำคัญของการใช้ภาษาก็ออกมาในตัวหนังได้อย่างพอดี มันบอกเราว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นคือสิ่งที่จะชี้วัดสิ่งที่คุณทำ ดังนั้นนี่จึงเป็นการโฟกัสที่ภาษาในฐานะของการเป็นตัวแทนของการกระทำ”
หนังโฆษณาถูกตั้งชื่อว่า Autocorrect ตัวหนังไม่ได้มีภาพกราฟิกสวยงามที่เล่าเรื่อง แต่เป็นภาพจากหน้าจอมือถือที่สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นการพิมพ์ข้อความคุยกันของชายวัยรุ่นสองคน ที่ใช้ฟังก์ชันออโต้คอเร็คไฮไลท์ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่พิมพ์ออกมากับสิ่งที่หมายถึงจริงๆ โดยเป็นบทสนาเกี่ยวกับการข่มขืน โดยมีฝ่ายหนึ่งเป็นคนทำผิด และอีกฝ่ายเป็นที่รับรู้การกระทำแต่ไม่ได้ห้ามปราม โดยทั้งสองกำลังคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านการแชท จุดประสงค์ของคลิปนี้คือต้องการเปลี่ยนมุมมองของเด็กนักเรียนวัยรุ่นเกี่ยวกับทัศนคติเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ให้รู้จักแยกแยะและยอมรับว่าจริงๆ แล้วอะไรคือการสมยอมหรือไม่สมยอม
นอกจากคลิปนี้แล้วแคมเปญนี้ยังมีการต่อยอดออกไปผ่านเซเลบริตี้และคนดังให้ช่วยกันทำให้นักเรียนในสหรัฐเข้าใจที่มาที่ไปของแคมเปญให้มากขึ้นและกว้างขวาง ทั้งยังมีการจัดอีเวนท์ตามมหาวิทยาลัยเพื่อให้ความรู้และจัดกลุ่มสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอีกด้วย ซึ่งแคมเปญนี้แม้ว่าจะริเริ่มโดยทำเนียบขาว แต่ตอนนี้ด้วยความที่เปลี่ยนมือบริหารไปแล้ว ทำให้แคมเปญนี้ตกไปเป็นขององค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ชื่อว่า Biden Foundation ซึ่งเป็นหน่วยงานที่แชร์คลิปนี้ลงบนทวิตเตอร์
ระยะเวลาสองปีกว่าที่ผ่านมาของ It’s On Us นั้นถือว่าผ่านไปได้อย่างสวยงาม จากผลลัพธ์ที่สามารถกระจายประเด็นนี้ไปถึงวัยรุ่นกว่าสี่แสนคนและมีงานอีเวนท์ที่จัดโดยเด็กนักเรียนขึ้นกว่าสองพันงานภายใต้แคมเปญ It’s On Us และในเดือนเมษายนนี้ก็กำลังจะมีอีกสามร้อยงานทั่วสหรัฐ นับว่าประสบความสำเร็จในการพยายามให้ความรู้และปรับทัศนคติเรื่องเซ็กส์ในกลุ่มวัยรุ่น ที่มาพร้อมไอเดียดีๆ ที่ผลักดันให้มันไปได้ไกลและน่าสนใจกว่าการนั่งพูดไปวันๆ
แปลและเรียบเรียงโดย Prim NM